ปลอดภัย ลดน้ำหนักได้จริง และช่วยให้โรคประจำตัวอื่น ๆ หายไป

ผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วน

ดูแลผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้เฉพาะทางด้านการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก และรักษาโรคอ้วนโดยตรง เพื่อให้ความฝันของทุกคนที่ประสบกับภาวะโรคอ้วน ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และอายุยืนยาวมากขึ้น

  • ไม่มีใครที่อยากนัำหนักตัวมากหรอกครับ ทุกคนอยากมีหุ่นดี มีสุขภาพที่แข็งแรง และคงพยายามลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้วใช่มั้ยครับ ทั้งทำ IF, Ketodiet อดอาหาร ออกกำลังกาย กินยา ฉีดยา ใส่บอลลูน ฯลฯ แรกๆน้ำหนักเหมือนจะลง พอถึงช่วงนึงก็เริ่มตัน น้ำหนักไม่ลงต่อ สุดท้ายเราเหนื่อยใจ หมดกำลังใจ ท้อแท้  และน้ำหนักก็ขึ้นกลับมาเท่าๆเดิม หรือสูงกว่าเดิมอีก

  • และ ทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าโรคอ้วน เป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคหยุดหายใจขณะหลับ  ฯลฯ และนอกจากบั่นทอนสุขภาพกายแล้วยังส่งผลถึงสภาพจิตใจ ความมั่นใจ และคุณภาพชีวิต

  • ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาที่จะช่วยให้สามารถลดน้ำหนักได้จริงในระยะยาว นั่นก็คือ การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy), ผ่าตัดบายพาสกระเพาะ-ลำไส้ (Roux-En-Y gastric bypass), การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟร่วมกับบายพาส (Sleeve - DJB/PJB) 

    ซึ่งการผ่าตัดแบบ Sleeve gastrectomy สามารถลดน้ำหนักได้ถึง  70% ของน้ำหนักส่วนเกิน (70%EWL) ในเวลาเพียง 1 ปี และมีภาวะแทรกซ้อน และภาวะขาดสารอาหาร น้อยกว่าการผ่าตัดแบบอื่น

    โดยนอกจากทำให้สุขภาพดีขึ้นแล้ว ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือหัวใจ-สมองแล้ว ยังทำให้อายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย 

    Body Weight Calculator
    คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) และน้ำหนักหลังการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy)
    ดัชนีมวลกาย :
    น้ำหนักที่ควรจะเป็น (BMI 25) :
    น้ำหนักหลังผ่าตัด 6 เดือน :
    น้ำหนักหลังผ่าตัด 1 ปี :

    ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วน

    • BMI > 37.5
    • BMI > 32.5 + ภาวะโรคร่วม
    • BMI > 27.5 ที่ไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้

    ภาวะโรคร่วม ได้แก่

    • โรคเบาหวานชนิดที่2
    • ความดันโลหิตสูง
    • หัวใจวาย
    • โรคไขมันในเลือดสูง
    • โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
    • โรคข้อเข่าเสื่อม
    • โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ
    • โรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS)
    • ไขมันเกาะตับ

    ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วน

    • อายุยืนยาวขึ้นมากถึง 9.3 ปี ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย หรือ 5.1 ปีในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน
    • กว่า 50% ของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดสามารถหายจากโรคประจำตัว และหยุดยาได้
    • ลดน้ำหนักได้มากถึง 70-80% ของน้ำหนักส่วนเกิน หรือ 30-40% ของน้ำหนักตั้งต้นใน 1 ปี 
    • ช่วยให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมในการลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น เพราะลดทั้งขนาดกระเพาะ และฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความหิว
    • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง

    การรักษาของหมอโจอี้ มีความแตกต่างอย่างไร

    • ใช้เทคนิคการเย็บเสริม ลดการบิดตัว และอุดตันของกระเพาะอาหาร
    • ปวดน้อยกว่าปกติ ด้วยเทคนิคการฉีดยาชาที่เลี้ยงเส้นประสาทบริเวณผนังหน้าท้อง
    • ผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางการผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วนโดยตรง
    • ให้คำปรึกษาก่อน – หลังการผ่าตัด อย่างใกล้ชิด ตอบทุกปัญหา โดยหมอโจอี้ นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย

    คำถามที่พบบ่อย

    • BMI > 37.5
    • BMI > 32.5 + โรคร่วม เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคหยุดหายใจขณะหลับ PCOS
    • BMI > 27.5 ไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้
    • ไม่สามารถดมยาสลบได้
    • หลอดอาหารอักเสบรุนแรง มีแผลในกระเพาะอาหาร
    • อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือ สูงกว่า 65 ปี
    • โรคจิตเพท
    • ติดสารเสพติด
    • โรคมะเร็งที่กำลังได้รับรักษา
    • 50% ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง สามารถหยุดยาได้
    •  ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วนจะมีอายุยืนยาวขึ้นมากถึง 9.3 ปี ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย หรือ 5.1 ปี
    • สุขภาพดีโดยรวมขึ้น ใช้ชีวิตง่ายขึ้น
    • ทำกิจวัตรประจำวันได้ง่ายขึ้น เช่น เดิน-วิ่ง ขึ้น-ลงบันได
    • นอนหลับสนิทมากขึ้น
    • มีความมั่นใจมากขึ้น

    โรคร่วมต่างๆเช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หัวใจวาย ข้อเข่า ข้อสะโพกเสื่อม โรคเก๊าท์

    • กระเพาะอาหารของคนปกติสามารถจุได้ถึง 1500-2000 ml การตัดกระเพาะจะทำให้ความจุเหลือแค่ 100-200 ml
    • ตัดกระเพาะส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิว หรือ ghrelin ทำให้รู้สึกหิวลดลง
    • 1. Sleeve gastrectomy จะลดความจุของกระเพาะเป็นหลัก ขาดสารอาหารได้น้อยกว่า ภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า แต่มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากกว่า
    • 2. Roux en Y gastric bypass วิธีนี้ จะลดความจุกระเพาะ และ จะบาสพาสทางเดินอาหารบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นไปด้วย ทำให้ สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า และลดโรคร่วมได้มากกว่า แต่วิธีนี้มีโอกาสขาดสารอาหารได้มาก และไม่สามารถตรวจคัดกรองโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ จึงไม่ค่อยนิยมในประเทศแถบเอเชีย
    • 3. Sleeve gastrectomy + DJB/PJB เป็นวิธีที่ผสมผสานกันระหว่างการตัดกระเพาะและ bypass วิธีนี้จะลดโรคร่วมได้เที่ยบเท่ากับวิธีที่ 2 เพียงแต่ยังไม่มีผลการวิจัยในระยะยาว
    • ถ้าเป็นไปได้ควรลดน้ำหนักลงมา 5-10 % ของน้ำหนักตัวก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยให้ผ่าตัดง่ายขึ้น และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด
    • การคุมอาหารก่อนผ่าตัด โดยเฉพาะการงดน้ำหวาน แป้ง น้ำตาล จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นหลังการผ่าตัด

    สามารถคำนวณได้จากตารางข้างบน

    หลังผ่าตัด 1-2 ปี ผู้ป่วยบางรายอาจจะเริ่มมีน้ำหนักขึ้นมาได้ เป็นสาเหตุจากการที่ไม่ได้ปรับพฤติกรรม คุมอาหารอย่างต่อเนื่อง

    • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด สามารถทานได้แค่ น้ำ + นมทางการแพทย์ + ไข่ตุ๋นหรือไข่ลวก 
    • ช่วง 2-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด สามารถทานอาหารอ่อนได้ เช่น ปลานึ่ง ไข่ลวก ไข่ตุ๋น หมูสับ ไก่สับ หมูตุ๋น (งดมัน)
    • หลัง 4 สัปดาห์ เป็นต้นไปสามารถทานอาหารปกติได้โดยเน้นเนื้อสัตว์
    • ทานน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร ต่อวัน เพื่อลดภาวะขาดน้ำ และ ช่วยในการขับถ่าย
    • ห้ามทานน้ำหลังจากทานอาหารเสร็จทันที เนื่องจากจะทำให้แน่นท้องและอาเจียนได้
    • หลังผ่าตัดจะทานได้ลดลง จึงต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น
    • ห้ามกินน้ำหวานทุกชนิด หรือน้ำที่มีแคลอรี่
    • ห้ามกินน้ำอัดลม เหล้า เบียร์
    • พยายามเลี่ยงการดื่มน้ำจากหลอด
    • อิ่มแล้วต้องพอ ถ้าฝืนกินต่อไป กระเพาะจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นได้
    • เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนจะช่วยลดอาการแน่น อาเจียน และทำให้กระเพาะขยายตัวได้ช้าลง
    • ห้ามสูบบุหรี่
    • พยายามออกกำลังกายตามความเหมาะสม

    ภาวะผมร่วงเกิดจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และขาดโปรตีน แร่ธาตุ การทานวิตามิน แร่ธาตุเสริม และทานโปรตีนให้ถึง จะช่วยลดโอกาสผมร่วงได้

    • งดการสูบบุหรี่
    • ปรับพฤติกรรมการทานอาหารก่อนการผ่าตัด
    • เลี่ยงการตั้งครรภ์ 1-2 ปีหลังผ่าตัด
    • ทานยาโรคประจำตัวตามคำแนะนำของแพทย์

    มากกว่า 50% ของโรคเบาหวาน และความดันสามารถหยุดยาได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยในการปรับพฤติกรรม

    ความร่วมมือและความแน่วแน่ของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ

    กระเพาะสามารถกลับมาขยายเพิ่มขึ้นได้ ถ้าไม่ได้ปรับพฤติกรรมการกินอย่างต่อเนื่องตามที่บอกไว้ข้างต้น

    • เลือดออกในช่องท้อง 0.1-1 %
    • มีรอยรั่วของกระเพาะ เกิดได้ประมาณ 0.1-1 %
    • กรดไหลย้อน 10-20% (มักมีอาการเพียงเล็กน้อย)
    • กระเพาะบิดขั้ว
    • ขาดน้ำหรือสารอาหาร ถ้าไมไ่ด้ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร
    • ลิ่มเลือดอุดตันบริเวณ ขา หรือภายในช่องท้อง
    Medical Process

    ขั้นตอนในการขอรับคำปรึกษา

    ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย ที่มีปัญหาโรคอ้วน ไทรอยด์ นิ่วในถุงน้ำดี มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคดังกล่าว หรือการผ่าตัดส่องกล้องอื่นๆ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรีผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ดังนี้

    วันและเวลาออกตรวจ

    โรงพยาบาลศิครินทร์ ลาซาล
    โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ

    doctorsirasit.com ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
    อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)