เมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดี วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้หายขาดจากโรคได้นั้นมีเพียงวิธีเดียวคือ “การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี” ซึ่งพอเอ่ยถึงการผ่าตัดแล้ว ก็อาจทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวล กลัวว่าจะต้องเจ็บเยอะ มีแผลเป็นและฟื้นตัวช้า แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีได้รับการพัฒนาขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก โดยเราสามารถแบ่งการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีออกได้เป็นทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1.การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แบบผ่าตัดเปิด
เป็นวิธีการรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการผ่าตัดแบบแรกเริ่มที่มีมาตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยแผลผ่าตัดจะมีขนาดใหญ่มากประมาณ 15-20 เซนติเมตร โดยแนวทางในการผ่าตัดนั้น จะต้องทำการผ่าตัดกล้ามเนื้อเพื่อเปิดหน้าท้อง แล้วเข้าไปผ่าตัดถุงน้ำดีออก จึงเป็นวิธีการผ่าตัดที่ทำให้คนไข้เจ็บมาก ใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวนาน และเสี่ยงมีภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย เช่นการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง หรือ ไส้เลื่อนบริเวณแผลผ่าตัด ในปัจจุบันจึงไม่ได้รับความนิยมใช้วิธีนี้ในการรักษานิ่วในถุงน้ำดีแล้ว
2.การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แบบผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดี
เป็นการผ่าตัดที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบันที่ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลงจากการผ่าตัดเปิดแบบดั้งเดิมมาก โดยแผลผ่าตัดจะเล็กลงเหลือเพียงแค่ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรเท่านั้น และมีแผลผ่าตัดทั้งสิ้นประมาณ 3-4 แผล ซึ่งเมื่อแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กและจำนวนน้อย จึงทำให้ไม่คนไข้มีอาการเจ็บจากแผลผ่าตัดน้อย ฟื้นตัวได้ไว โดยหลังจากผ่าตัดก็สามารถที่จะลุกเดินทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างได้อย่างเป็นปกติเลยทันที
3.การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แบบผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียวผ่านสะดือ
ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย โดยเป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้องเช่นเดียวกับวิธีก่อนหน้า แต่จะมีเพียงแค่แผลเดียว ขนาด 2 เซนติเมตร ซ่อนอยู่ในสะดือ เมื่อแผลหายก็จะไม่หลงเหลือรอยแผลเป็นเอาไว้ที่บริเวณหน้าท้องของคนไข้ ทำให้ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และไร้แผลเป็น
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียวผ่านสะดือนั้นเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่มีความยากและซับซ้อน จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และปราศจากภาวะแทรกซ้อน
สรุป
หากเทียบการผ่าตัดทั้ง 3 วิธีแล้ว การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยกับผู้ป่วยมากที่สุดจนได้รับความนิยมและถือเป็นมาตรฐานในการรักษานั้น ก็คือ การผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดี เพราะเป็นวิธีที่การผ่าตัดรักษาที่ทำให้คนไข้มีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้รวดเร็ว
อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด จึงทำให้คนไข้ปลอดภัยมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ส่วนวิธีการ ผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียวผ่านสะดือ นั้นก็เป็นอีกวิธีที่ปลอดภัย และเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่กังวลเรื่องรอยแผลเป็น แต่เป็นเทคนิคการผ่าตัดขั้นสูงที่ต้องใช้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์