นิ่วในถุงน้ำดี ถือเป็นโรคที่พบได้บ่อย เป็นผลมาจากความเข้มข้นของสารประกอบในน้ำดีที่ผิดปกติ จนทำให้เกิดการตกตะกอนจับตัวกันเป็นก้อนนิ่วอุดในอยู่ภายในถุงน้ำดี ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี นั้น สามารถทำได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
ทานยาสลายนิ่ว ทำไมจึงไม่ใช่วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่เหมาะสม
หลาย ๆ คนที่ป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เมื่อรู้ว่า วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี จำเป็นต้องผ่าตัดสถานเดียว ก็อาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไมถึงรักษาด้วยการรับประทานยาไม่ได้ และอาจเคยได้ยินเรื่องการทานยาสลายนิ่วกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ เหตุผลที่คุณหมอไม่แนะนำให้รับประทานยาสลายนิ่ว ก็เพราะเป็นวิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่ไม่ได้ผล
คำว่า “ยาสลายนิ่ว” หมายถึง การให้ยาที่ทำให้นิ่วค่อย ๆ สลายไป ซึ่งไม่เพียงแต่สลายช้าแล้ว ยังทำให้นิ่วสลายออกไปได้เพียงแค่ประมาณ 10% ภายในระยะเวลา 1 ปีเท่านั้น จึงทำให้วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการให้ยาสลายนิ่ว ไม่สามารถทำให้นิ่วหายไปได้ทั้งหมด รวมถึงยังสลายได้เพียงแค่นิ่วคอเลสเตอรอลเท่านั้น ส่วนนิ่วชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถสลายได้
จากรายงานการรักษาพบว่า ผู้ป่วยที่รักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการทานยาสลายนิ่วนั้น กว่า 70% ยังคงมีอาการปวดอยู่ดี ซึ่งโรคนิ่วในถุงน้ำดี หากปล่อยไว้ไม่รักษาให้หายขาดโดยเร็ว จะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ดังนั้น คุณหมอจึงไม่แนะนำให้ทานยาสลายนิ่ว แต่เลือกวิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการผ่าตัด จะเป็นผลดีและปลอดภัยกับผู้ป่วยมากที่สุด
วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งไปเลยหรือแค่ผ่าตัดเอานิ่วออกกันแน่
เมื่อเอ่ยถึงวิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการผ่าตัด หลาย ๆ คนอาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า หมายถึงการผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งไปเลย หรือว่าเป็นการผ่าตัดแค่เอานิ่วที่อุดตันอยู่ออกกันแน่ คำตอบคือเป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งไปเลย ทั้งนี้เพราะ ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะที่มีการรักษาตัวเองได้ไม่ดีเท่าไร ถ้าแค่ผ่าตัดเอานิ่วออกไป ก็อาจทำให้มีน้ำดีรั่วในช่องท้องได้ หรือเกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดีขึ้นซ้ำได้อีก การผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งไปเลยจึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการผ่าเอานิ่วออกอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กังวลว่าถ้าไม่มีถุงน้ำดีแล้วจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อร่างกาย ก็คลายกังวลได้ เพราะไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด การสร้างน้ำดียังคงทำได้อย่างเป็นปกติ เพียงแค่หลังผ่าตัดร่างกายอาจต้องใช้เวลาปรับตัวสักนิด โดยประมาณ 10% ของคนไข้ที่ผ่าตัดถุงน้ำดี ในช่วงแรกอาจมีอาการอืดแน่นท้องหลังรับประทานอาหาร แต่ไม่นานเมื่อร่างกายปรับตัวได้ อาการดังกล่าวก็จะหายไป พร้อมกับหายขาดจากโรคนิ่วในถุงน้ำดีอีกด้วย
สรุป
แม้วิธีรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะมีเพียงแค่วิธีเดียวคือการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันก็มีวิธีการผ่าตัดหลายรูปแบบที่ไม่น่ากลัว โดยเฉพาะการผ่าตัดส่องกล้อง หรือ Minimally Invasive Surgery ทำให้มีแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้ไว และในปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดถุงน้ำดีแผลเดียวผ่านทางสะดือ ทำให้แผลเล็ก และที่สำคัญคือ ปราศจากรอยแผลเป็น สำหรับผู้ป่วยที่กังวลสำหรับรอยแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นสำคัญ